วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สังคมออนไลน์ ยก 'ธนินท์ เจียรวนนท์' ผู้นำการเปลี่ยนแปลง

หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เปิดให้ประชาชน ร่วมโหวต "นักธุรกิจแห่งปี 2559 : Businessperson  of the year 2016" ประเภท Popular Vote ผ่านเว็บไซต์ กรุงเทพธุรกิจ www.bangkokbiznews.com เป็นเวลา 1 เดือน ระหว่าง วันที่ 25 พ.ย.-26 ธ.ค.2559 พบว่า มีผู้เข้าร่วมโหวตเลือกนักธุรกิจแห่งปี อย่างล้นหลาม มากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา

โดยนักธุรกิจที่ชนะการโหวต คือ "ธนินท์ เจียรวนนท์" ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) ด้วยคะแนนท่วมท้น 1,329,798 โหวต นำห่างอันดับ 2 "วิชัย ศรีวัฒนประภา" ประธานกรรมการบริษัทคิงเพาเวอร์ เจ้าของอาณาจักรดิวตี้ฟรี ได้คะแนน 964,074  โหวต ห่างกันถึง 365,724 คะแนน

ความโดดเด่นในปีนี้ของ เจ้าสัวธนินท์  สะท้อนผ่านการจัดอันดับ "ตระกูลมหาเศรษฐีเอเชีย" ของนิตยสารฟอร์บส์ ในปี 2559 โดย "ตระกูลเจียรวนนท์" ติดอันดับ 2 ตระกูลมหาเศรษฐีเอเชียที่รวยที่สุด (เป็นรองเพียงมหาเศรษฐีตระกูลลี เจ้าของอาณาจักรซัมซุงของเกาหลีใต้) โดยมีสินทรัพย์รวมกว่า 27,700 ล้านดอลลาร์ หรือราว 9.6 แสนล้านบาท ดัชนีที่ฟอร์บสฯใช้จัดอันดับ อ้างอิงจากการสำรวจข้อมูลผลประกอบการ และสินทรัพย์รวมของกลุ่มทุนต่างๆ ในเอเชียตลอดปี 2559

การติดอันดับ 2 มหาเศรษฐีเอเชีย ในมุมหนึ่งวิเคราะห์ได้ว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยและโลกจะยังคงชะลอตัว แต่สำหรับ เจ้าสัวธนินท์ ผู้กุมบังเหียนอาณาจักรซี.พี.แล้ว ยังคง "เก๋าเกม" ในการบริหารจัดการธุรกิจในเครือ  จากความมั่งคั่งที่ปรากฏ

ส่วนสำคัญเกิดจาก "วิสัยทัศน์ที่เฉียบคม" ในการวาง "ขุมข่าย" ธุรกิจไว้หลากหลาย เป็นไปเพื่อ "กระจายความเสี่ยง" ตั้งแต่ ธุรกิจเกษตรครบวงจร (บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร -ซีพีเอฟ) และธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย (บมจ.ซี.พี.แลนด์) ที่ตอบสนองปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์  ไปจนถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ (บริษัทเอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด บริษัทร่วมทุน ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์แบรนด์อังกฤษ "MG") ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหนัก ที่ยังมีอัตราเติบโตในประเทศกำลังพัฒนา

และอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น 1 ใน 3 ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ในไทย)  เกาะกระแสความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี  ล่าสุดยังรุกสู่ธุรกิจฟินเทค

เจ้าสัว "ธนินท์" จึงถือเป็นผู้นำธุรกิจที่ สร้างการ "เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ" (Big Change) ในรอบปี 2559

จากธุรกิจ"พื้นฐาน"เกษตรครบวงจร รุกสู่ ธุรกิจ"แห่งอนาคต"!

ช่วงต้นเดือนพ.ย. เจ้าสัวธนินท์ สร้างความฮือฮา กับการรุกธุรกิจ "ฟินเทค" โดยอาศัย "สายสัมพันธ์" (Connection) แน่นปึ๊กกับนักธุรกิจใหญ่ และมหาเศรษฐีชาวจีน อย่าง "แจ็ค หม่า" ประธานบริหารอาลีบาบา เว็บไซต์ขายปลีกที่ใหญ่ที่สุดในจีน ผนึกกำลังรุกตลาด "โมบาย เพย์เมนท์" (ชำระค่าสินค้าและบริการผ่านโทรศัพท์มือถือ) ในไทย  ยังมีแผนจะร่วมกันขยายธุรกิจไปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทั่วโลกในอนาคต

ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง บริษัทแอนท์ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส กรุ๊ป บริษัทในเครือบริษัทอาลีบาบา ที่เข้าซื้อหุ้น 20% ในบริษัทแอสเซนด์ มันนี่ บริษัทในเครือซี.พี. และมีแผนจะถือหุ้นเพิ่มในอนาคต

ทั้งนี้ ธุรกิจโมบาย เพย์เม้นท์ นับเป็นธุรกิจมาแรง ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่จะมีผลต่อพฤติกรรมของผู้คนในทุกกิจกรรมที่ต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง

ในส่วนธุรกิจเกษตรครบวงจร (ผลิตอาหารสัตว์-Feed, เลี้ยงสัตว์-Farm และอาหารคน -Food) ภายใต้การดำเนินงานของซีพีเอฟ มีขุนพลข้างกายอย่าง "อดิเรกศรีประทักษ์" กรรมการผู้จัดการใหญ่ ในรอบปีที่ผ่านมา คึกคักไม่น้อย เป็นไปเพื่อสานวิสัยทัศน์เจ้าสัวธนินท์ ที่ต้องการให้ซี.พี.ก้าวสู่ "ครัวของโลก" (kitchen of the world)

กับดีลซื้อกิจการที่โดดเด่นของ ซีพีเอฟใต้เงา เจ้าสัวธนินท์ เกิดขึ้นเมื่อ 17 พ.ย.2559 เข้า ซื้อกิจการบริษัท Bellisio Parent, LLC ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทานแบบ Single Serve รายใหญ่ในสหรัฐ มูลค่า 1,075 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 38,161 ล้านบาท  ถือเป็นอีกดีลใหญ่แห่งปี เพื่อขยายตลาดสหรัฐซึ่งตามแผนธุรกิจ 3 ปีจากนี้ (2560-2563) ที่ซีพีเอฟต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจอาหารในสหรัฐ 10 เท่าตัว จาก 100 ล้านดอลลาร์ เป็น 1,000 ล้านดอลล์

อีกทั้งช่วยผลักดันสัดส่วนรายได้ภาพรวมธุรกิจอาหารจากระดับ 12% ในปี 2559 เป็นประมาณ 16% ในปี 2560 ดันเป้ารายได้รวม 7 แสนล้านบาท ในระยะ 5 ปีจากนี้ แบ่งเป็นรายได้กิจการต่างประเทศ 61% กิจการในประเทศ 33% และส่งออก 6%

สอดคล้องกับกลยุทธ์เร่งโตที่ซีพีเอฟ ใช้มาต่อเนื่อง คือ "ซื้อและควบรวมกิจการ" ที่ดำเนินการมาแล้วมากถึง 11 บริษัทมูลค่ากว่า 4.7 หมื่นล้านบาท เพื่อผลักดันการเติบโต

ปีที่ผ่านมาซีพีเอฟ มีรายได้มากถึง 439,413.85 ล้านบาท และ 9 เดือนแรก (ม.ค.- ก.ย.) ของปีนี้ มีรายได้ 353,838.58 ล้านบาท นับเป็นธุรกิจที่ทำรายได้หลักให้กับเครือ

ปัจจุบัน ซีพีเอฟ ยังมีฐานการผลิตกระจาย 13 ประเทศในหลายภูมิภาคของโลก ได้แก่ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย ไต้หวัน ตุรกี กัมพูชา มาเลเซีย อังกฤษ ฟิลิปปินส์ ลาว รัสเซีย เบลเยียม และแทนซาเนีย

"อดิเรก" ยังระบุว่า กำลังจะได้ข้อสรุปอีกดีลซื้อกิจการในยุโรปเร็วๆ นี้

นี่คือความโดดเด่นของผู้ชายชื่อ "ธนินท์เจียรวนนท์" เจ้าของอาณาจักรซี.พี.ผู้ครบเครื่องทั้ง "ความมั่งคั่ง วิสัยทัศน์ การบริหารงาน และสายสัมพันธ์" ที่เกิดขึ้นในรอบปี 2559 ขณะที่ผ่านมาหลายองค์กรระหว่างประเทศ ต่างยกย่องเขา ด้วยรางวัลต่างๆ ที่ได้รับ อาทิ

นิตยสารฟอร์บส์ เลือกให้เขาเป็นนักธุรกิจยอดเยี่ยมแห่งปีของเอเชียประจำปี 2554, CNBC Asia Pacific เครือข่ายโทรทัศน์ธุรกิจชั้นนำระดับโลกยกให้นักธุรกิจรายนี้ เป็นนักธุรกิจไทยคนแรก ที่คว้า "รางวัลผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต"

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ

#นักธุรกิจแห่งปี 2559

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น