วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

กาแฟแก้วพิเศษจากฝีมือบาริสต้าคนพิเศษ...ความสุขที่คุณดื่มได้




วันก่อนได้ดูคลิปรายการ เป็นข่าวเช้านี้ช่อง
13 ในช่วง จุดพลังใจ ซึ่งนำเสนอโดยคุณวารุณี ซื่อสัตย์สกุลชัย เธอพาไปดูความสามารถพิเศษของเด็กพิเศษกลุ่มหนึ่งกับการเป็น "บาริสต้า" หรือคนชงกาแฟ ที่ร้านทรูคอฟฟี่ สาขามูลนิธิออทิสติกไทย แถว ๆ ตลิ่งชัน กรุงเทพฯ นี่เอง

 




ดูภาคบรรยายก็รู้สึกว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะทำให้น้อง ๆ ซึ่งเป็นเด็กพิเศษสามารถจดจ่อหรือมีสมาธิกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน ๆ ดังนั้น ทั้งผู้เรียนและผู้สอนจึงต้องใช้ความอดทนสูงมาก โดยเฉพาะผู้สอนยังต้องมีความเข้าใจในธรรมชาติทั่วไปของเด็กพิเศษ และตัวตนหรือนิสัยส่วนตัวของเด็กแต่ละคนด้วย เรียกได้ว่า ต้องใช้ใจ สอนด้วยใจ มาด้วยใจกันจริง ๆ


 
ในส่วนของเด็ก ๆ เอง นอกจากต้องมีความสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้มาฝึกก็จะทำให้ได้สมาธิมากขึ้น ได้เพิ่มพูนทักษะใหม่ ๆ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของตัวน้องเอง ที่นอกจากจะได้ความเชี่ยวชาญในเรื่องของการชงกาแฟแล้ว ยังจะทำให้สามารถปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ดีขึ้นด้วย 


งานนี้ต้องขอบคุณผู้ให้โอกาสกับน้อง ๆ คือ มูลนิธิออทิสติกไทย และที่สำคัญบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่สนับสนุนร้านกาแฟทรู คอฟฟี่ และเจ้าหน้าที่ฝึกอบรมการเป็นบาริสต้ามืออาชีพให้กับผู้ป่วยออทิสติก   


ได้ฟังตอนสัมภาษณ์น้อง ๆ ก็อมยิ้มปลื้มใจไปกับน้อง ๆ และผู้ปกครองของน้อง ๆ กลุ่มนี้ด้วย น้องมีความคิด มีความฝัน มีความมุ่งมั่น ที่สำคัญคือมีความสามารถที่ทำเงินได้ เป็นอาชีพที่น้องสามารถเลี้ยงตัวเองได้ และนำความภาคภูมิใจมาสู่ครอบครัว พ่อแม่ผู้ปกครองได้อย่างดีทีเดียว


นับเป็นแรงบันดาลใจชั้นดีเยี่ยมสำหรับคนที่ท้อแท้และล้มพับไปกับความล้มเหลว ให้ยืนหยัดลุกขึ้นสู้ เมือดูตัวอย่างความสำเร็จจากความพยายามของน้อง ๆ กลุ่มนี้แล้ว



ขอบคุณรายการเป็นข่าวเช้านี้ช่อง 13
 

 

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

เอกชนแห่บริจาคช่วยน้ำท่วมใต้ ผ่านรายการ “ประชารัฐร่วมใจ ช่วยอุทกภัยภาคใต้”




เมื่อเวลา 18:00 – 20:00 น. วันที่ 15 ม.ค. 2560 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้นำคณะรัฐมนตรี รวมถึงดารา นักร้อง และผู้มีชื่อเสียงจากหลากหลายวงการ รับบริจาคเงินทางโทรศัพท์ เพื่อนำเงินสมทบทุนในการช่วยฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคใต้ ผ่านรายการถ่ายทอดสด "ประชารัฐร่วมใจ ช่วยอุทกภัยภาคใต้" ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส


ในการนี้ ภาคเอกชนต่างร่วมบริจาคกันอย่างล้นหลาม อาทิ ไทยเบฟเวอเรจบริจาค 10 ล้านบาท เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) 10 ล้านบาท คิงพาวเวอร์ 10 ล้านบาท ปตท. 20 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 20 ล้านบาท กระทรวงคมนาคม 7.1 ล้านบาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1 ล้านบาท บีทีเอส 5 ล้านบาท กลุ่มเซ็นทรัล 3 ล้านบาท การไฟฟ้านครหลวง 4 ล้านบาท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 5 ล้านบาท การประปานครหลวง 1 ล้าน ผู้ส่งออกข้าวไทย 1 ล้านบาท ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมบริจาคเงินส่วนตัวจำนวน 100,000 บาท โดยสรุปยอดบริจาคของวันที่ 15 ม.ค. มีผู้บริจาคทั้งสิ้น 1,340 ราย รวมเป็นเงิน 329,305,809.58 บาท





ไทยรัฐ

#
ประชารัฐร่วมใจช่วยอุทกภัยภาคใต้ #น้ำท่วมภาคใต้2017 #อุทกภัยใต้2017 #ประชารัฐร่วมใจ #ช่วยอุทกภัยภาคใต้

วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สังคมออนไลน์ ยก 'ธนินท์ เจียรวนนท์' ผู้นำการเปลี่ยนแปลง

หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เปิดให้ประชาชน ร่วมโหวต "นักธุรกิจแห่งปี 2559 : Businessperson  of the year 2016" ประเภท Popular Vote ผ่านเว็บไซต์ กรุงเทพธุรกิจ www.bangkokbiznews.com เป็นเวลา 1 เดือน ระหว่าง วันที่ 25 พ.ย.-26 ธ.ค.2559 พบว่า มีผู้เข้าร่วมโหวตเลือกนักธุรกิจแห่งปี อย่างล้นหลาม มากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา

โดยนักธุรกิจที่ชนะการโหวต คือ "ธนินท์ เจียรวนนท์" ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) ด้วยคะแนนท่วมท้น 1,329,798 โหวต นำห่างอันดับ 2 "วิชัย ศรีวัฒนประภา" ประธานกรรมการบริษัทคิงเพาเวอร์ เจ้าของอาณาจักรดิวตี้ฟรี ได้คะแนน 964,074  โหวต ห่างกันถึง 365,724 คะแนน

ความโดดเด่นในปีนี้ของ เจ้าสัวธนินท์  สะท้อนผ่านการจัดอันดับ "ตระกูลมหาเศรษฐีเอเชีย" ของนิตยสารฟอร์บส์ ในปี 2559 โดย "ตระกูลเจียรวนนท์" ติดอันดับ 2 ตระกูลมหาเศรษฐีเอเชียที่รวยที่สุด (เป็นรองเพียงมหาเศรษฐีตระกูลลี เจ้าของอาณาจักรซัมซุงของเกาหลีใต้) โดยมีสินทรัพย์รวมกว่า 27,700 ล้านดอลลาร์ หรือราว 9.6 แสนล้านบาท ดัชนีที่ฟอร์บสฯใช้จัดอันดับ อ้างอิงจากการสำรวจข้อมูลผลประกอบการ และสินทรัพย์รวมของกลุ่มทุนต่างๆ ในเอเชียตลอดปี 2559

การติดอันดับ 2 มหาเศรษฐีเอเชีย ในมุมหนึ่งวิเคราะห์ได้ว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยและโลกจะยังคงชะลอตัว แต่สำหรับ เจ้าสัวธนินท์ ผู้กุมบังเหียนอาณาจักรซี.พี.แล้ว ยังคง "เก๋าเกม" ในการบริหารจัดการธุรกิจในเครือ  จากความมั่งคั่งที่ปรากฏ

ส่วนสำคัญเกิดจาก "วิสัยทัศน์ที่เฉียบคม" ในการวาง "ขุมข่าย" ธุรกิจไว้หลากหลาย เป็นไปเพื่อ "กระจายความเสี่ยง" ตั้งแต่ ธุรกิจเกษตรครบวงจร (บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร -ซีพีเอฟ) และธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย (บมจ.ซี.พี.แลนด์) ที่ตอบสนองปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์  ไปจนถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ (บริษัทเอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด บริษัทร่วมทุน ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์แบรนด์อังกฤษ "MG") ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหนัก ที่ยังมีอัตราเติบโตในประเทศกำลังพัฒนา

และอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น 1 ใน 3 ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ในไทย)  เกาะกระแสความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี  ล่าสุดยังรุกสู่ธุรกิจฟินเทค

เจ้าสัว "ธนินท์" จึงถือเป็นผู้นำธุรกิจที่ สร้างการ "เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ" (Big Change) ในรอบปี 2559

จากธุรกิจ"พื้นฐาน"เกษตรครบวงจร รุกสู่ ธุรกิจ"แห่งอนาคต"!

ช่วงต้นเดือนพ.ย. เจ้าสัวธนินท์ สร้างความฮือฮา กับการรุกธุรกิจ "ฟินเทค" โดยอาศัย "สายสัมพันธ์" (Connection) แน่นปึ๊กกับนักธุรกิจใหญ่ และมหาเศรษฐีชาวจีน อย่าง "แจ็ค หม่า" ประธานบริหารอาลีบาบา เว็บไซต์ขายปลีกที่ใหญ่ที่สุดในจีน ผนึกกำลังรุกตลาด "โมบาย เพย์เมนท์" (ชำระค่าสินค้าและบริการผ่านโทรศัพท์มือถือ) ในไทย  ยังมีแผนจะร่วมกันขยายธุรกิจไปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทั่วโลกในอนาคต

ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง บริษัทแอนท์ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส กรุ๊ป บริษัทในเครือบริษัทอาลีบาบา ที่เข้าซื้อหุ้น 20% ในบริษัทแอสเซนด์ มันนี่ บริษัทในเครือซี.พี. และมีแผนจะถือหุ้นเพิ่มในอนาคต

ทั้งนี้ ธุรกิจโมบาย เพย์เม้นท์ นับเป็นธุรกิจมาแรง ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่จะมีผลต่อพฤติกรรมของผู้คนในทุกกิจกรรมที่ต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง

ในส่วนธุรกิจเกษตรครบวงจร (ผลิตอาหารสัตว์-Feed, เลี้ยงสัตว์-Farm และอาหารคน -Food) ภายใต้การดำเนินงานของซีพีเอฟ มีขุนพลข้างกายอย่าง "อดิเรกศรีประทักษ์" กรรมการผู้จัดการใหญ่ ในรอบปีที่ผ่านมา คึกคักไม่น้อย เป็นไปเพื่อสานวิสัยทัศน์เจ้าสัวธนินท์ ที่ต้องการให้ซี.พี.ก้าวสู่ "ครัวของโลก" (kitchen of the world)

กับดีลซื้อกิจการที่โดดเด่นของ ซีพีเอฟใต้เงา เจ้าสัวธนินท์ เกิดขึ้นเมื่อ 17 พ.ย.2559 เข้า ซื้อกิจการบริษัท Bellisio Parent, LLC ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทานแบบ Single Serve รายใหญ่ในสหรัฐ มูลค่า 1,075 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 38,161 ล้านบาท  ถือเป็นอีกดีลใหญ่แห่งปี เพื่อขยายตลาดสหรัฐซึ่งตามแผนธุรกิจ 3 ปีจากนี้ (2560-2563) ที่ซีพีเอฟต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจอาหารในสหรัฐ 10 เท่าตัว จาก 100 ล้านดอลลาร์ เป็น 1,000 ล้านดอลล์

อีกทั้งช่วยผลักดันสัดส่วนรายได้ภาพรวมธุรกิจอาหารจากระดับ 12% ในปี 2559 เป็นประมาณ 16% ในปี 2560 ดันเป้ารายได้รวม 7 แสนล้านบาท ในระยะ 5 ปีจากนี้ แบ่งเป็นรายได้กิจการต่างประเทศ 61% กิจการในประเทศ 33% และส่งออก 6%

สอดคล้องกับกลยุทธ์เร่งโตที่ซีพีเอฟ ใช้มาต่อเนื่อง คือ "ซื้อและควบรวมกิจการ" ที่ดำเนินการมาแล้วมากถึง 11 บริษัทมูลค่ากว่า 4.7 หมื่นล้านบาท เพื่อผลักดันการเติบโต

ปีที่ผ่านมาซีพีเอฟ มีรายได้มากถึง 439,413.85 ล้านบาท และ 9 เดือนแรก (ม.ค.- ก.ย.) ของปีนี้ มีรายได้ 353,838.58 ล้านบาท นับเป็นธุรกิจที่ทำรายได้หลักให้กับเครือ

ปัจจุบัน ซีพีเอฟ ยังมีฐานการผลิตกระจาย 13 ประเทศในหลายภูมิภาคของโลก ได้แก่ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย ไต้หวัน ตุรกี กัมพูชา มาเลเซีย อังกฤษ ฟิลิปปินส์ ลาว รัสเซีย เบลเยียม และแทนซาเนีย

"อดิเรก" ยังระบุว่า กำลังจะได้ข้อสรุปอีกดีลซื้อกิจการในยุโรปเร็วๆ นี้

นี่คือความโดดเด่นของผู้ชายชื่อ "ธนินท์เจียรวนนท์" เจ้าของอาณาจักรซี.พี.ผู้ครบเครื่องทั้ง "ความมั่งคั่ง วิสัยทัศน์ การบริหารงาน และสายสัมพันธ์" ที่เกิดขึ้นในรอบปี 2559 ขณะที่ผ่านมาหลายองค์กรระหว่างประเทศ ต่างยกย่องเขา ด้วยรางวัลต่างๆ ที่ได้รับ อาทิ

นิตยสารฟอร์บส์ เลือกให้เขาเป็นนักธุรกิจยอดเยี่ยมแห่งปีของเอเชียประจำปี 2554, CNBC Asia Pacific เครือข่ายโทรทัศน์ธุรกิจชั้นนำระดับโลกยกให้นักธุรกิจรายนี้ เป็นนักธุรกิจไทยคนแรก ที่คว้า "รางวัลผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต"

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ

#นักธุรกิจแห่งปี 2559

วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2559

เตร็ดเตร่เพลินใจ ที่งาน “คนไทยขอมือหน่อย 2016: Ratchaprasong Sharing Street”




เมื่อวานนี้ (15 ม.ค.) หลังเลิกงาน ได้แวะไปเตร็ดเตร่เพลิน ๆ เจริญใจ ที่งาน
คนไทยขอมือหน่อย 2016: Ratchaprasong Sharing Street”


ที่ที่บอกว่า "ทุกการช้อป คือ การช่วย" 



พอไปถึงก็ได้รู้ว่า


การช้อปที่นี่ไม่ใช่การนำเงินทองของมีค่าไปช่วยได้อย่างเดียว แต่ยังสามารถเอาแรงกายและกำลังศรัทธาที่มีของเราไปช่วยได้ด้วย



ยังไงล่ะ ก็อย่างเช่น ถ้าเรามีเวลาว่าง ขี้เกียจไปเดินช้อปปิ้งหรือนอนตีพุงอยู่กับบ้าน แต่อยากทำอะไรที่มีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ก็เอาเวลานั้นไปเป็นอาสาสมัครทำงานช่วยสังคม ตามที่ที่เราชอบ ในเวลาที่เราว่าง โดยสมัครผ่านมูลนิธิต่าง ๆ ที่มาออกบูธ 




เดินดูแต่ละบูธ ก็ทำให้คิดได้ว่า ไม่มีใครเกิดมาไร้ประโยชน์ หรือหมดประโยชน์เลย เพราะคน ๆ หนึ่งสามารถทำประโยชน์เพื่อคนอื่นได้หลากหลายรูปแบบ 



เลยอยากให้เพื่อน ๆ ลองไปงานนี้ แล้วเลือกดูว่า เราจะช่วยสังคมในรูปแบบไหนดีที่เหมาะกับเรา 



ถ้ายังไม่พร้อมจะลงแรง ก็ลงเงินไปก่อนได้ ด้วยการสนับสนุนสินค้าตามบูธต่าง ๆ ที่จะหักรายได้ส่วนหนึ่งสมทบทุนมูลนิธิหรือโครงการเพื่อสังคมต่าง ๆ 


เรามีตัวอย่างของกลุ่มคนที่ลงแรงเพื่อคนอื่นมาให้ดูด้วย



คุณตาคุณยาย ไม่ซิ่ น่าจะเรียกว่า คุณลุงคุณป้ามากกว่า เพราะแต่ละท่านอายุ 60, 70, 80 ปี กันแล้ว แต่หน้างี้ดูไม่ออกเลยนะว่าจะสูงวัยขนาดนั้น เราเหมาเอาเลยว่า เพราะใจที่เบาสบาย ใจที่คิดให้คนอื่นนี่แหละ ที่ทำให้กายดูผ่องใส อ่อนกว่าวัยจริงไปด้วย



คุณลุงคุณป้ากลุ่มนี้รวมตัวกัน ในชื่อกลุ่มว่า "สานใจคอรัส" มีประมาณ 12 ท่าน ใช้เวลาว่างหลังเกษียณให้เป็นประโยชน์ ด้วยการหากิจกรรมที่ช่วยได้ทั้งตัวเองและคนสูงวัยด้วยกัน ผ่านการประสานเสียงเพลง ขับกล่อมผู้ฟังด้วยจังหวะสนุกสนาน พร้อมลีลาท่าทางน่ารักคึกคัก ที่นอกจากจะทำให้คนดูเพลิดเพลิน ใบหน้าได้เปื้อนยิ้มกันแล้ว ยังเป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย



สว.กลุ่มนี้มีจ๊อบนะเออ จะไปแสดงตามสถานที่ต่าง ๆ ที่มีคนเชิญหรือบางครั้งก็ไปกันเอง เช่น สวนสาธารณะ บ้านพักคนชรา โรงพยาบาล เรือนจำ (งาน)วัด(ก็มีนะ) ไปให้กำลังใจผู้สูงวัยด้วยกัน 


ท่านฝากมาว่า คนสูงอายุอย่ามัวคิดว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้ จริง ๆ แล้วเรายังมีพลัง ยังทำได้อีกหลายอย่าง อย่าอยู่อย่างหดหู่ ใช้ชีวิตอย่างมีค่า มีความเบิกบาน โห ฟังแล้วน่าชื่นใจจัง คนเกือบ ๆ สว. อย่างเราได้แรงบันดาลใจเลย

เราได้อัดคลิปการแสดงมานิดหน่อย ขออภัยที่ไม่ประติดประต่อ (เมมโมรี่ในมือถือเหลือน้อย ไม่ได้เตรียมกล้องไป) ก็ดูพอเป็นกระษัยละกันเนอะ 



อ้อ วันนี้คุณลุงคุณป้ากลุ่มนี้มาในนามวัดพระบาทน้ำพุค่ะ  #‎คนไทยขอมือหน่อย #Khonthaifoundation Khon Thai Foundation 

 
หลังจากนั้น เดินไปอีกนิดก็เจอบูธ ร้านคุณตาคุณยาย (เอ๊ะ! ยังไงกันนะมาครั้งนี้ เน้นแต่สว.) เห็นแล้วอดเข้าไปถามไม่ได้ เขากำลังทำอะไรกัน 
 

อ้อ ที่แท้มีคุณครูจิตอาสามาช่วยสอนทำกระเป๋าใส่สตางค์และของจิปาถะ จะได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ 



จริง ๆ แล้วบูธนี้มาจากโครงการเพื่อผู้สูงอายุ ซึ่งสนับสนุนให้ผู้สูงอายุในชุมชนเมืองได้รวมตัวกัน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและเตรียมพร้อมตนเองในยามสูงวัย ลดการพึ่งพาผู้อื่น ตามสโลแกนที่ว่า “สูงวัยอย่างสง่างาม เจ็บอย่างสบาย จากไปอย่างสงบ” 


โครงการนี้ให้บริการอุปกรณ์เครื่องใช้จำเป็นของผู้สูงวัย ทั้งจัดหา จำหน่าย แลกเปลี่ยน และรับบริจาค ใครสนใจก็ติดต่อไปได้ที่ www.foroldy.com และมีเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ (/foroldy) 


 วันนี้จัดเต็มให้ผู้สูงวัย เพราะเราก็กำลังก้าวเข้าสู่วัยสูงนี้เช่นกัน 555


เอาน่า ไม่ได้มีแต่ผู้สูงวัยหรอก เดินไปอีกหน่อย ก็เจอแม่ชีน้อยตัวจิ๋วน่ารักมาก เห็นแล้วอดขอถ่ายรูปด้วยไม่ได้


มาจากมูลนิธิธรรมานุรักษ์ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชน มาช่วยนั่งเฝ้าบูธประชาสัมพันธ์ทั้งวัน เก่งจริง ๆ เห็นมั้ยล่ะว่า ตัวเล็กตัวน้อยก็มาช่วยงานอาสาได้นะ ถ้าใจสั่งมา (พี่เสกไม่ได้สั่ง ^^)


เดินไปเจอบูธของทรูก็น่าสนใจทีเดียว เหมือนจะเป็นบูธเดียวที่นำเสนอเทคโนโลยีเพื่อสังคม ผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่อสำหรับคนตาบอดเรียกว่า MeM (เม็ม) หรือ Braille Note Taker เป็นเครื่องจดบันทึกเหมือนคีย์บอร์ดที่เชื่อมต่อผ่าน USB หรือ Bluetooth กับอุปกรณ์สื่อสารอื่น ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน ช่วยให้คนตาบอดสื่อสารได้สะดวกยิ่งขึ้น 
 

เครื่องนี้มีหน่วยความจำในตัว สามารถบันทึกและแสดงข้อมูลด้วยเสียง


(แอบถามมา ต่างประเทศขายตัวละเป็นแสน แต่ทรูออกแบบร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล ผลิตขายได้ในราคาเพียง 5,000 บาทเท่านั้น)


หันไปดูอีกมุม ก็เจออะไรที่น่าสนใจไม่แพ้กัน อันนี้เขาว่ามาจากแนวคิด ต้นไม้แห่งความดีเพื่อสังคมยั่งยืน ใช้กิมมิคการแจกเมล็ดพันธุ์พืชเจียไต๋ให้ไปปลูก เมื่อดาวน์โหลด (ฟรี) แอพพลิคชั่น We Grow บน iOS หรือ Android ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับการปลูกต้นไม้ 

  
ใช้ไม่ยาก แค่ถ่ายรูปต้นไม้ที่เราปลูก แล้วบันทึกข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่น เพื่อจะสามารถติดตามการเจริญเติบโต ดูสถิติ แลกเปลี่ยนข้อมูลที่เชื่อมโยงเครือข่ายกับผู้ปลูกต้นไม้รายอื่น


มีคนถามว่าปลูกจริงหรือปลูกในแอพ ตอบว่าปลูกจริง ต้นไม้จริง แต่ใช้แอพเป็นตัวบันทึกข้อมูลการปลูก และดูการเจริญเติบโตของต้นไม้ น่าสนุกแฮะ ปลูกต้นไม้อยู่บ้าน ก็ช่วยสังคมได้



นอกจากนี้ยังมีบูธอื่น ๆ อีกมากมาย ยกมาให้ดูไม่หมด คือเมื่อวานกว่าจะไปถึงก็ค่ำมืด เดินได้แป๊บเดียวเอง บูธต่าง ๆ ทยอยปิดเลยดูได้ไม่ครบ นำมาเล่าได้แค่ผิว ๆ แค่นี้เอง แต่งานจะมีถึงวันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม ยังมีเวลารีบแวะไปกันได้นะจ๊ะ 







บูธอยู่หน้าอัมรินทร์พลาซ่า, ศนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ศูนย์การค้าเดอะแพทตินั่มแฟชั่นมอลล์





ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติม หาได้ที่เฟซบุ๊คมูลนิธิเพื่อคนไทย (https://www.facebook.com/KhonThaiFoundation/?fref=ts) หรืออ่านจากบล็อกต่าง ๆ ที่มีคนแนะนำไว้แล้วก็ได้ ลิงค์อยู่ด้านล่างจ๊ะ 




 










ปิดท้าย แถมด้วยภาพน้องหมาน่ารักที่มากับเจ้าของ อ้อนเก่งมาก หนักตั้ง 30 กิโลยังกระโจนให้เจ้าของอุ้มอีกแน่ะ ร้ายจริง ๆ น่ารักน่าชังน่ากอดน่าฟัดมั่ก ๆ 




--------------------------------------------------------
รายการขอบคุณ: 
แอบจิ๊กภาพสวย ๆ มาจากคุณชิโตะ (ภาพไม่สวยของเราเอง) 
ข้อมูลเพิ่มเติมจากเฟซบุ๊กเพจมูลนิธิเพื่อคนไทย (https://www.facebook.com/KhonThaiFoundation/?fref=ts
บล็อกมนุษย์ป้าหามาเล่า (http://www.auntietalk.com/news/ratchaprasong-sharing-street-day1/), 
บอร์ดพันทิปคุณยี่สิบแปดกันยา (http://pantip.com/topic/34678642)